ความรับผิดทางอาญา
ในคดีตั๋วเงิน
ปัจจุบันการทำธุรกิจ หรือการรับชำระหนี้ต่าง ๆ มักจะนิยมให้ชำระด้วยเช็ค เพราะบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ต่างคิดว่าการยอมรับชำระหนี้ด้วยเช็คนั้นสะดวก ปลอดภัยและยังได้รับความคุ้มครองทางอาญา เพราะหากไม่ได้รับชำระหนี้ตามกำหนดก็จะดำเนินคดีทางอาญาแก่ลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจาการใช้เช็ค จึงทำให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งชั้นพนักงานตำรวจและศาลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคดีเช็ค
บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงินนั้น เป็นกฎหมายที่บัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ เป็นเอกเทศสัญญาอย่างหนึ่ง ได้ให้ความหมายของตั๋วเงินไว้ว่า
ตั๋วเงิน หมายถึง ตราสารที่คู่สัญญาตกลงกันว่าให้มีค่าใช้แทนเงิน หรือสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้สามารถโอนสิทธิให้แก่กันได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ หรือส่งมอบการครอบครอง
ตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงหมายถึงตั๋วเพียง ๓ ประเภทคือ ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็คเท่านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีตราสารอื่น ๆ อีก เช่น เลตเตอร์ออฟเครดิต ใบกำกับสินค้า ใบประทวนสินค้า ใบตราส่ง รับของคลังสินค้า ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ เป็นต้น ตราสารเหล่านี้แม้จะเป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้ตามกฎหมายก็ตาม แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นตั๋วเงินตามความหมายของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ลักษณะของตั๋วเงิน
๑ ตั๋วเงินเป็นสัญญา คือผู้แสดงเจตนาต้องมีความสามารถตามกฎหมายวัตถุประสงค์ของสัญญาต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีต่อประชาชน
๒ สัญญาตั๋วเงินผู้แสดงเจตนาต้องแสดงเจตนาเป็นหนังสือที่เรียกว่า หนังสือตราสารโดยมีลักษณะเนื้อหาตามที่กฎหมายกำหนด[๑]
๓. วัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาต้องเป็นเงินตรา หมายถึงวัตถุแห่งหนี้ของคู่สัญญาตามตั๋วเงินต้องเป็นเงินเสมอ จะเป็นการชำระหนี้ด้วยสิ่งอื่นหรือการกระทำ การงดเว้นการกระทำไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๙๘ ได้กำหนดตั๋วเงินมีเพียง ๓ ประเภท คือ
๑. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange)
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note)
๓. เช็ค (Cheque)
๑. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange )
ตั๋วแลกเงิน คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้สั่งจ่าย” สั่งบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้จ่าย” ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่งหรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่งซึ่งเรียกว่า “ผู้รับเงิน “ ดังนั้น ตั๋วแลกเงินจึงมีคู่สัญญา ๓ ฝ่าย คือ
(๑) ผู้สั่งจ่าย
(๒) ผู้จ่าย
(๓) ผู้รับเงิน
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note)
ตั๋วสัญญาใช้เงิน คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้ออกตั๋ว” ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้เงินตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้รับเงิน” ดังนั้น ตั๋วสัญญาใช้เงินจึงมีคู่สัญญา ๒ ฝ่าย คือ
(๑) ผู้ออกตั๋ว
(๒) ผู้รับเงิน
๓. เช็ค (Cheque)
เช็ค คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้สั่งจ่าย” สั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามแก่บุคคลคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า“ผู้รับเงิน” ดังนั้นเช็คจึงมีคู่สัญญา ๓ ฝ่าย คือ
(๑) ผู้สั่งจ่าย
(๒) ผู้จ่าย (ธนาคาร)
(๓) ผู้รับเงิน
ตั๋วเงินทั้ง ๓ ประเภท จะต้องมีการระบุว่าเป็นตั๋วเงินประเภทใด กล่าวคือ ต้องมีคำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วเงิน
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔/๒๔๙๘ โจทก์ขายสิทธิเรียกร้องเหรียญฮ่องกงให้จำเลยโดยโจทก์ออกตั๋วแสดงว่าจำเลยมีสิทธิเรียกร้องจำนวนเงินเหรียญดังกล่าวจากอีกบริษัทหนึ่งและจำเลยสัญญาว่าจะจ่ายเงินไทยให้โจทก์ตามอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเอกสารนั้นไม่ระบุว่าเป็นตั๋วแลกเงินประเภทใด และมีลักษณะให้เห็นว่าเปลี่ยนมือกันได้จึงไม่มีสภาพเป็นตั๋วเงิน
มาตรา ๙๐๐ “บุคคลใดลงลายมือชื่อในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น
ถ้าลงเพียงแต่เครื่องหมายอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น แกงใดหรือลายพิมพ์นิ้วมืออ้างเอาเป็นลายมือชื่อในตั๋วเงินไซร้ ถึงแม้จะมีพยานลงชื่อรับรองก็ตาม ท่านว่าหาให้ผลเป็นลายมือชื่อในตั๋วเงินนั้นไม่”
บทบัญญัติมาตรานี้เป็นเรื่องการรับผิดของผู้ที่ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินซึ่งต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงิน ตั๋วเงินเป็นสัญญาพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งบังคับว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อเข้าเป็นคู่สัญญาในฐานะใด ฐานะหนึ่งจะต้องรับผิด
“บุคคล” หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
“ลายมือชื่อ” หมายถึงลายเซ็นของตนเองเขียนเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงหรือนามแฝงหรือชื่อยี่ห้อทางการค้าก็ได้ หรือจะไม่ใช่ชื่อของตนเอง บุคคลที่ลงลายมือชื่อนั้นต้องรับผิด เช่นนายแดงลงลายมือชื่อสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินโดยเขียนว่า “ดำ” ผู้สั่งจ่าย เช่นนี้นายแดงก็ต้องรับผิดเพราะนายแดงเป็นผู้ลงลายมือชื่อ เป็นต้น
คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๒๖/๒๕๒๒ แม้เช็คพิพาทจะมีตรายี่ห้อร้านของจำเลยประทับอยู่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย คงมีผู้อื่นลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในเช็คนั้น
คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๗๐/๒๕๒๒ เช็คลงลายมือชื่อภริยา จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แม้เป็นเช็คตามบัญชีเงินฝากของจำเลย และภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คและแม้หนี้เดิมเป็นเงินกู้โจทก์ก็ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือบังคับจำเลย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๕๔/๒๕๒๓ จำเลยที่ ๘ ออกเช็คผู้ถือแม้จะใช้ชื่อในบัญชีธนาคารเป็นอย่างอื่นก็ตาม แต่เมื่อได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คแล้ว จำเลยที่ ๘ ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น และจะอ้างข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวผันกันเฉพาะตนกับจำเลยที่ ๕ ว่าจำเลยออกเช็คค้ำประกันต่อจำเลยที่ ๕ มาใช้ยันโจทก์ผู้ทรงเช็คหาได้ไม่
สำหรับรายการอื่น ๆ ในตั๋วเงินนอกจากลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายแล้ว บุคคลอื่นใดก็สามารถเขียนได้ เช่นรายการวันที่ที่ลงในเช็ค จำนวนเงิน ซึ่งหากข้อความถูกต้องตามกับเจตนาของผู้สั่งจ่ายแล้ว ตั๋วเงินนั้นย่อมสมบูรณ์ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๑๒/๒๕๓๙)
คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๑๙๑/๒๕๔๖ จำเลยลงชื่อสั่งจ่ายเช็คโดย ศ. เป็นผู้เขียนข้อความในเช็คตามที่จำเลยขอให้เขียนแทน เนื่องจากจำเลยอ้างวาลายมือไม่สวย เมื่อ ศ. เขียนรายการในเช็คตามที่จำเลยขอให้เขียนให้ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คแล้ว
ความรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการลงลายมือชื่อ บุคคลที่ลงลายมือชื่อนั้นต้องรับผิดในฐานะใดฐานะหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้และรับผิดจำกัดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น มิใช่จะต้องรับผิดเต็มจำนวนเท่า ๆ กัน ซึ่งฐานะต่าง ๆ ของผู้ที่ลงลายมือชื่อ มีดังนี้
๑. ผู้สั่งจ่าย ผู้สั่งจ่ายในฐานะเป็นผู้ลงลายมือชื่อคนแรกในตั๋วกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วและผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดเข้าผูกพัน หากผู้ที่มีสิทธิรับเงินตามตั๋วไม่สามารถขึ้นเงินตามตั๋วได้
๒. ผู้สลักหลังโอนตั๋ว ผู้สลักหลังก็คือผู้ที่มีตั๋วไว้ในครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้รับเงินหรือที่เรียกว่า “ผู้ทรง” นั่นเองแต่เนื่องจากตั๋วเงินเป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้จึงสามารถโอนต่อให้แก่กันได้ตามวิธีการของกฎหมาย ดังนั้นหากผู้ที่มีชื่อในตั๋วต้องการโอนตั๋วก็สามารถสลักหลังโอนตั๋วต่อไปได้ ซึ่งการสลักหลังก็คือการลงลายมือชื่อผู้สลักหลังตั๋วจึงต้องมีความผูกพันทางกฎหมายที่จะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น และยังต้องรับผิดชอบรับผิดตามที่ผูกพัน นั่นคือ ถือว่าผู้ลงลายมือชื่อได้สัญญาว่าหากตั๋วเงินนั้นไม่สามารถรับเงินได้ ผู้ลงลายมือชื่อจะใช้เงินให้กับผู้ทรง
๓. ผู้รับรอง ผู้ที่จะรับรองได้ตั๋วเงินได้ก็คือ ผู้จ่าย เท่านั้น ดังนั้นหากผู้จ่ายไม่ได้ลงชื่อรับรอง ผู้จ่ายจึงไม่ต้องรับผิด การลงลายมือชื่อของผู้จ่ายเราเรียกว่า “การรับรอง”
๔. ผู้รับอาวัล หมายถึงผู้ที่เข้ามาทำให้ตั๋วมีค่ามากยิ่งขึ้น หรืออาจกล่าวได้ว่า
การอาวัล คือ การเข้ามาค้ำประกันผู้ที่จะต้องรับผิดในตั๋วเงิน แต่การอาวัลไม่ใช่การค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่บัญญัติไว้ในเรื่องการค้ำประกัน ผู้รับอาวัลจะเป็นบุคคลที่ผูกพันในตั๋วหรือบุคคลภายนอกก็ได้
การอาวัล คือ การเข้ามาค้ำประกันผู้ที่จะต้องรับผิดในตั๋วเงิน แต่การอาวัลไม่ใช่การค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่บัญญัติไว้ในเรื่องการค้ำประกัน ผู้รับอาวัลจะเป็นบุคคลที่ผูกพันในตั๋วหรือบุคคลภายนอกก็ได้
การเข้ามาเป็นผู้รับอาวัล จะต้องลงลายมือชื่อซึ่งอาจลงในด้านหน้าหรือด้านหลังของตั๋วก็ได้ เมื่อมีการลงลายมือชื่อแล้วย่อมต้องรับผิดตามที่ได้เข้ามาอาวัลไว้ จะรับผิดเท่าใดขึ้นอยู่กับว่าได้เขียนรับไว้เท่าใด ซึ่งกฎหมายเปิดโอกาสให้กระทำได้ เช่น อาวัลไว้เต็มจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วเงินหรืออาจอาวัลเพียงบางส่วน เป็นต้น
๕ ผู้สอดเข้าแก้หน้า หมายถึงผู้ที่เข้ามาจ่ายเงินแทนผู้ที่จะถูกฟ้องไล่เบี้ยในตั๋วเงินเมื่อตั๋วเงินนั้นขาดความเชื่อถือแล้ว ซึ่งตั๋วเงินจะขาดความเชื่อถือมีได้ ๒ กรณี คือ
๑) ผู้จ่ายปฏิเสธไม่รับรอง เมื่อตั๋วเงินนั้นยังไม่ถึงกำหนดและมีการยื่นให้รับรอง
๒) ผู้จ่ายปฏิเสธไม่จ่าย เมื่อตั๋วเงินนั้นถึงกำหนดใช้เงินและมีการยื่นตั๋วเงินเพื่อให้จ่าย
การสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินมีอยู่ ๒ วิธีคือการเข้ามารับรองเพื่อแก้หน้า และการใช้เงินเพื่อแก้หน้า จะเป็นวิธีใดก็ตามหากมีการลงลายมือชื่อในตั๋วเงินก็ต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้สอดเข้าแก้หน้า
สำหรับการคำว่า “เครื่องหมาย” อย่างหนึ่งอย่างใด เช่นแกงได (เครื่องหมายกากบาท) หรือการพิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือ ไม่ถือเป็นลายมือชื่อ แต่อย่างใดก็ตามหลักในการทำนิติกรรมหรือสัญญาทั่ว ๆ ไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙ วรรคสอง บัญญัติว่า “ลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับหรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้นที่ทำลงในเอกสารแทนลงลายมือชื่อหากมีพยานรับรองไว้ด้วยสองคนแล้วให้ถือเสมอกับการลงลายมือชื่อ”
และมาตรา ๙ วรรคสาม บัญญัติว่า “ความในวรรคสองไม่ใช้บังคับแก่การพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้น ซึ่งทำลงในเอกสารที่ทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่” บทบัญญัติมาตรานี้ หมายความว่า การพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นซึ่งมีพยานรับรอง ๒ คนนั้นกฎหมายให้ถือว่าเป็นการลงลายมือชื่อในรูปแบบสัญญาทั่ว ๆ ไปใช้บังคับได้ เช่นการทำสัญญากู้ยืมเงิน ผู้กู้เขียนหนังสือไม่ได้แต่ได้พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานรับรอง ๒ คนก็ถือว่าผู้กู้ได้ลงลายมือชื่อแล้ว สัญญานี้สามารถบังคับได้ แต่ในกรณีดังกล่าวนี้จะนำมาใช้บังคับในเรื่องตั๋วเงินไม่ได้ การลงลายมือชื่อในตั๋วนั้นนั้นจะต้องลงลายมือชื่อที่เขียนเป็นหนังสือได้
สรุปลักษณะทั่วไปของตั๋วเงิน
กฎหมายลักษณะตั๋วเงินได้แบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินและเช็ค ซึ่งในแต่ละประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกันในรายละเอียดบางประการ แต่กฎหมายก็กำหนดลักษณะทั่วไปของตั๋วเงินไว้ดังนี้
๑. ข้อความในตั๋วเงิน ตั๋วเงินเป็นตราสารที่ใช้แทนเงิน มีลักษณะเป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้ สามารถโอนได้ตามกฎหมาย มีสภาพการใช้ที่คล่องตัวเช่นเดียวกับเงินตราจึงมีการกำหนดรูปแบบของสัญญาตั๋วเงินไว้ในแต่ละประเภทโดยให้มีผลบังคับใช้ได้เฉพาะข้อความที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น หากมีข้อความอื่นนอกจากที่กฎหมายระบุไว้ข้อความนั้นย่อมไม่มีผลผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างใด[๒] แต่ข้อความที่เกินจากที่กฎหมายกำหนดนั้น ก็หามีผลทำให้ตั๋วเงินนั้นไม่สมบูรณ์หรือตกเป็นโมฆะ แต่ก็ยังมีผลบังคับได้ตามข้อความที่ระบุไว้ในตั๋วเงิน
๒ ผู้ที่ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินต้องรับผิดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๐๐ บัญญัติว่า บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว กฎหมายได้กำหนดถึงบุคคลที่ต้องรับผิดเพราะได้ลงลายมือชื่อตามเนื้อความในตั๋วเงิน ไม่ว่าจะลงลายมือชื่อในฐานะที่เป็นผู้สั่งจ่าย ผู้สลักหลังโอนตั๋ว ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า หรือธนาคารผู้รับรองเช็ค ก็ตาม หากลงลายมือชื่อด้วยความสมัครใจแล้วก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๓๕๐/๒๕๔๘ หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดด้วย เมื่อลงชื่อในเช็คจึงต้องร่วมรับผิดกับห้าง ฯ ในฐานะผู้สั่งจ่าย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๙๘/๒๕๔๔ แม้บริษัทจำเลยที่ ๑ จดทะเบียนโดยปรากฏข้อความในรายการเอกสารทะเบียนว่า ป. ผู้ตายเป็นกรรมการของจำเลยที่ ๑ ป.กับกรรมการอื่นอีก ๒ คน ลงลายมือชื่อร่วมกันประทับตราของบริษัทจำเลยที่ ๑ ลงชื่อผูกพันจำเลยที่ ๑ ได้ แต่จำเลยที่ ๑ เปิดบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารตามเช็คโดยให้ตัวอย่างลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเฉพาะกรรมการอื่น ๔ คน โดยไม่ปรากฏตัวอย่างลายมือชื่อของ ป. ด้วย ป จึงไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ ๑ การที่ ป .ร่วมลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทโดยไม่มีอำนาจสั่งจ่ายแทนจำเลยที่ ๑ และมิได้ระบุว่าทำแทนจำเลยที่ ๑ แล้วนำเช็คพิพาทไปแลกกับเช็คซึ่ง ป. สั่งจ่ายแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ส่วนตัว ป. จึงต้องร่วมรับผิดตามเช็คพิพาทเป็นการส่วนตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๐๐
คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๘๘/๒๕๒๔ (ประชุมใหญ่) จำเลยลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจ ย่อมผูกพันตนต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ในอันที่จะต้องรับผิดอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้โจทก์
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๓๔/๒๕๑๕ ส. เอาเช็คซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของบัญชีเช็คมาเขียนสั่งจ่ายเงิน ต่อมาโจทก์ผู้ทรงเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้เช่นนี้ ส. ผู้สั่งจ่ายย่อมต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามเนื้อความแห่งเช็คนั้น
แต่หากบุคคลใดไม่ได้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน แม้จะมีข้อความว่าจะต้องรับผิดอย่างใดก็ตาม บุคคลนั้นก็ไม่มีความรับผิดตามสัญญาตั๋วเงินไม่[๓] การลงลายมือชื่อในตั๋วเงินของบุคคลอาจเกิดด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ
๒.๑ บุคคลธรรมดาลงลายมือชื่อเพื่อตนเอง หมายถึงการที่บุคคลธรรมดาแสดงเจตนาลงลายมือชื่อของตนบนตราสารด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็น การแสดงเจตนาของตนเอง
ข้อสังเกตผู้ลงลายมือชื่อต้องรับผิด
(๑) ตั๋วเงินเป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ของนิติกรรมสัญญา คู่สัญญาจึงต้องมีความสามารถ มีเจตนาผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ไม่เป็นการกระทำที่สำคัญผิด กลฉ้อฉล ข่มขู่ ซึ่งหากมีการลงลายมือชื่อในตั๋วเงินโดยมีเหตุดังกล่าว ผู้ลงลายมือชื่อจึงไม่ต้องรับผิด
(๒) ต้องมีมูลหนี้ การออกตั๋วเงินเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ ถ้าการออกตั๋วเงินไม่มีมูลหนี้ ผู้ออกตั๋วก็ไม่ต้องรับผิด ทั้งในความผิดทางแพ่งและทางอาญา
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๙๕/๒๕๑๔ มีผู้ลักปากกามาขายให้โจทก์ โจทก์นำไปขายต่อให้จำเลยโดยจำเลยไม่รู้ และได้สั่งจ่ายเช็คชำระราคาให้โจทก์ ต่อมาตำรวจนำยึดปากกาจากจำเลยคืนให้เจ้าของ ดังนี้ เป็นการรอนสิทธิจำเลย โจทก์ผู้ขายต้องรับผิด ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลย
(๓) ผู้ที่มิได้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินไม่ต้องรับผิดในเรื่องตั๋วเงิน แต่อาจรับผิดในฐานะอื่น
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑/๒๕๑๑ นายจ้างยอมให้ลูกจ้างเชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของนายจ้างในการออกตั๋วแลกเงินขายให้แก่บุคคลภายนอก นายจ้างต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกนั้น
การลงลายมือชื่อนั้นจะอ่านออกหรือไม่นั้น จะเป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่นหรือนามแฝงจะเป็นภาษาไทย หรือภาษาต่างประเทศก็ตามจะเหมือนกับลายมือชื่อที่ให้ไว้กับธนาคารหรือไม่ก็ตาม แม้กระทั่งเป็นลายมือชื่อปลอม ผู้ปลอมก็ต้องรับผิด เพราะกฎหมายใช้คำว่า“ลงลายมือชื่อของตน” ไม่อาจนำบทบัญญัติเรื่องลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้น ที่ทำในเอกสารแทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานรับรองไว้ด้วยสองคนแล้ว ให้ถือเสมอกับลงลายมือชื่อ[๔] มาใช้บังคับกับการลงลายมือชื่อในตั๋วเงินไม่ การลงลายมือชื่อในตั๋วเงินต้องลงลายมือชื่อจริง ๆ จะลงเครื่องหมาย พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือ หรือตรายางประทับลงในตั๋วเงินก็ไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๐๐ วรรคสอง บัญญัติติว่า ถ้าลงเพียงแต่เครื่องหมายอย่างหนึ่งอย่างใด เช่นแกงได ลายพิมพ์นิ้วมืออ้างเอาเป็นลายมือชื่อในตั๋วเงินไซร้ ถึงแม้ว่าจะมีพยานรับรองก็ตาม ท่านว่าหาเป็นผลเป็นลงลายมือชื่อในตั๋วเงินนั้นไม่
๒.๒ บุคคลธรรมดาลงลายมือชื่อในฐานะผู้แทนนิติบุคคล หมายถึงการแสดงเจตนาที่บุคคลธรรมดาแสดงเจตนาในนามของนิติบุคคลซึ่งตนเป็นผู้แทน ตามกฎหมายถือว่าการแสดงเจตนานั้นเป็นการแสดงเจตนาของนิติบุคคล ผู้แทนไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว
๒.๓ การลงลายมือชื่อในฐานะตัวแทน สัญญาตั๋วเงินมีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาเหมือนกับการแสดงเจตนาของสัญญาทั่วไป ๆ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการมอบอำนาจเช่นเดียวกัน การลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน จึงอาจลงในฐานะผู้รับมอบอำนาจแสดงเจตนาแทนเจ้าของนิติกรรมนั้น ๆ การลงลายมือชื่อลักษณะเช่นนี้เป็นการลงลายมือชื่อในฐานะเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทนจะต้องจดแจ้งแถลงไว้ว่าเป็นการลงลายมือชื่อในฐานะกระทำการแทนบุคคลอื่น บุคคลนั้นจึงไม่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้น[๕]
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๑๐/๒๕๔๗ จำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท ว. แต่ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทโดยมีระบุว่ากระทำการแทนบริษัท ว. และมิได้ประทับตราของบริษัท ว. ในเช็คพิพาทด้วย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทในฐานะผู้แทนบริษัทดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทเป็นส่วนตัวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๐๐ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๙๐๑
คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๐๓/๒๕๔๗ จำเลย ๑ สั่งจ่ายเช็คระบุจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ ๒ หรือผู้ถือ เมื่อจำเลยที่ ๒ สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ และจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโดยมิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนบริษัท ท. ที่จำเลยที่ ๑ เป็นกรรมการผู้หนึ่งมีอำนาจกระทำแทนบริษัท ท ทั้งเป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ ด้วย จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นเป็นการส่วนตัวตามมาตรา ๙๐๐ วรรคหนึ่ง และ ๙๐๑ เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์ตามมาตรา ๙๐๔ประกอบมาตรา ๙๘๙ วรรคหนึ่ง
เราจะเห็นได้ว่าในหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดตั๋วเงิน หมายถึง ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็ค โดยที่ตั๋วเงินเป็นกฎหมายพิเศษที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเองที่จะกำหนดรายการต่าง ๆ ที่ต้องมีอยู่ในตั๋วแต่ละประเภท รายการในตั๋วแลกเงิน[๖] ตั๋วสัญญาใช้เงิน[๗] และเช็ค[๘] ก็มี่รายการที่ไม่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่กฎหมายกำหนดเพิ่มเติมในเรื่องความรับผิดของผู้ที่ลงลายมือชื่อในตั๋วนั้นแตกต่างกัน นั่น คือ บุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็ค หากกระทำผิดหรือมีเจตนาทุจริตนอกจากจะต้องรับผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ในเรื่องตั๋วเงินนี้แล้ว ยังคงต้องรับผิดในทางอาญาซึ่งกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ อีกด้วย พระราชบัญญัตินี้กำหนดลักษณะความผิดไว้ ดังนี้
๑. มีการกำหนดตัวผู้กระทำความผิด คือต้องเป็นผู้ออกเช็คหรือผู้สั่งจ่าย
๒. ในการออกเช็คนั้น จะต้องเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและหนี้นั้นต้องเป็นหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย
๓. การออกเช็คนั้นต้องมีลักษณะหรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
๓.๑ เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
๓.๒ ขณะออกเช็คไม่มีเงินอยู่ในบัญชี
๓.๓ ออกเช็คโดยให้ใช้เงินที่มีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี
๓.๔ ถอนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนออกจากบัญชีจนเหลือไม่เพียงพอที่จะเงินตามเช็ค
๓.๕ ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินโดยเจตนาทุจริต
นอกจากนี้แล้วผู้ออกเช็ค หากมีเจตนาทุจริต หลอกลวงเอาเปรียบโดยเจตนาที่จะทำให้ผู้อื่นขาดความเป็นธรรมที่ควรได้ ยังมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกง[๙] อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการประกอบธุรกิจการค้า การพาณิชย์ ผู้ที่ออกเช็คเพื่อชำระหนี้นั้น หากสามารถชำระหนี้ในทันกำหนดที่ลงในเช็คก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากเมื่อใดที่ไม่สามารถชำระเงินได้ทันตามกำหนด ก็อาจทำให้บุคคลผู้มีเช็คไว้ในครอบครอง หรือที่เราเรียกว่า “ผู้ทรง ” นั้น สามารถดำเนินคดีทางอาญามาบังคับใช้ตามที่พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ๒๕๓๔ ซึ่งบัญญัติไว้ให้ต้องรับผิด จึงทำให้บุคคลที่ใช้เช็คจะต้องมีความระมัดระวังในการใช้เช็คมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเช็คก็เป็นที่นิยมในธุรกิจหลาย ๆ ด้าน มีตั้งแต่การขอเปิดบัญชีกระแสรายวันของบุคคลเพื่อที่จะได้มีเช็คไว้ใช้ในกิจการของตน หรือธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ความรับผิดของบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็ค นอกจากจะต้องรับผิดในทางแพ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงินแล้ว ยังต้องรับผิดในทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คอีกด้วย ดังนั้น บุคคลที่ได้รับเช็คไว้ในครอบครองหรือที่เรียกว่า ผู้ทรง นั้น อาจถือโอกาสใช้ความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเป็นเครื่องมือในการบีบบังคับให้ต้องชำระหนี้ที่มาจากความรับผิดในทางแพ่ง ทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบของผู้ครอบครองเช็คที่จะได้รับชำระหนี้โดยใช้คดีอาญาเป็นเครื่องมือในการต่อรอง ถ้าหากมีการชำระหนี้ทางแพ่งเป็นที่พอใจก็จะทำให้คดีอาญาระงับจะด้วยการถอนฟ้อง หรือยอมความกันก็ตาม
แต่ในทางกลับกันในวงการธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ หรือธุรกิจระหว่างประเทศกลับนิยมใช้ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยการใช้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นตัวกลางเชื่อม ธุรกรรมที่ผู้ซื้อและผู้ขายขอให้ธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้องในการชำระเงินคือ สัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิต หรือที่เราเรียกว่า L/C และในการทำสัญญานี้จะต้องมีการออกตั๋วแลกเงิน ซึ่งจะเห็นได้ประเภทของตั๋วแลกเงิน การใช้ตั๋วแลกเงิน หรือเรียกเก็บเงินนั้น จะไม่ต่างกับการใช้เช็ค
ตั๋วแลกเงินที่ทำขึ้นเพื่อเรียกเก็บเงิน มีอยู่ ๓ ชนิด คือ
๑. ตั๋วแลกเงินเรียกเก็บเงินเมื่อได้เห็น เป็นตั๋วระบุชื่อผู้สั่งจ่ายให้กับผู้ยื่น (ธนาคาร)
๒. ตั๋วแลกแลกเงินเรียกเก็บเงินเมื่อสินค้ามาถึง เป็นการไม่แน่นอนว่าสินค้าจะมาถึงปลายทางเมื่อใด ตั๋วชนิดนี้จึงไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนไว้ จึงต้องรอให้สินค้ามาถึงจึงจะยื่นให้ชำระเงินได้
๓. ตั๋วแลกเงินเรียกเก็บเงินตามกำหนด เป็นตั๋วที่กำหนดระยะเวลาการจ่ายไว้หลังจากผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้เห็นตั๋ว หรือหลังจากวันที่ได้ลงในตั๋ว สำหรับระยะเวลาจะนานเท่าใดขึ้นอยู่กับข้อตกลง
ในการทำสัญญาธุรกิจระหว่างประเทศจะนิยมการทำสัญญา โดยการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารซึ่งในทางปฏิบัติจะต้องมีการหาหลักประกันให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน การมีหลักประกันก็มิได้หมายความว่าเกิดความมั่นคงกับคู่สัญญาเสมอไป หรือจะไม่เกิดความเสียหาย หรือสามารถชำระเงินได้ครบถ้วนทุกกรณีไป เพราะหลักประกันอาจเกิดจากการหลีกเลี่ยง การโกง หรือมีเจตนาทุจริตขึ้นก็ได้ซึ่งมีปัญหาให้เห็นอยู่เสมอ เช่น หลักประกันที่เป็นที่ดิน การประเมินราคาอาจไม่เป็นไปตามความเป็นจริง ประเมินสูงกว่าที่เป็นจริง จึงทำให้เกิดการฟ้องร้องเป็นคดี ในบางคดีที่มีการฟ้องร้องกันนั้น มักมีทุนทรัพย์ค่อนข้างมาก การดำเนินคดีของสัญญาดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่แล้วจะดำเนินคดีตามสัญญาในทางแพ่ง ซึ่งอาจมีบางกรณีที่อาจจะเป็นความผิดทางอาญาว่าด้วยความผิดฐานฉ้อโกงมาเป็นบทบังคับ หรือลงโทษผู้กระทำผิดหากมีเจตนาว่าทุจริต หลอกลวง อันเข้าลักษณะความผิดฐานฉ้อโกง
เมื่อพิจารณาความรับผิดทางอาญาของเช็ค กับตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายยังเปิดโอกาสให้ผู้ได้เปรียบทางอาญาบีบบังคับผู้ออกเช็คให้ต้องชำระหนี้ตนก่อน ทั้ง ๆ ที่ความรับผิดมาจากการทำธุรกรรม หรือการทำนิติกรรมสัญญา อย่างเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
บทสรุป ในการลงลายมือชื่อในตั๋วเงินไม่ว่าจะเป็นตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้ หรือเช็ค ต่างก็ถือว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความที่ลงในตั๋วนั้น ๆ แล้ว ซึ่งฐานะของบุคคลที่ต้องรับผิดก็บัญญัติไว้ในกฎหมายแล้ว คือ ผู้สั่งจ่าย ผู้จ่ายผู้รับรอง ผู้รับอาวัล และผู้สอดเข้าแก้หน้า หากผู้ที่ลงลายมือชื่อมีเจตนาทุจริต แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นก็เป็นความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงอันเป็นกฎหมายอาญาใช้บังคับอยู่ การที่มีพระราชบัญญัติด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งมีโทษทางอาญาเป็นบทบัญญัติที่ใช้เฉพาะเช็คเท่านั้น จึงเป็นความแตกต่างของการรับผิดของผู้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้สั่งจ่ายของตั๋วแลกเงินและเช็ค ทั้งที่ตั๋วเงินทั้ง ๓ ประเภท คือ ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็ค ต่างมุ่งทำธุรกรรมในทางแพ่งทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อความเสมอภาคในการทำธุรกรรมโดยการใช้ตั๋วแลกเงินก็ดี ตั๋วสัญญาใช้เงินก็ดี และเช็ค รัฐควรที่จะมีการยกเลิกความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการเช็คดังกล่าว เพื่อให้การธุรกรรมของบุคคลหรือธุรกิจเป็นไปได้ด้วยความเสมอภาคกัน และคุ้มครองลูกหนี้ที่จะไม่ถูกบีบบังคับให้ต้องรับผิดทางแพ่งให้มารับผิดทางอาญา
[๔] ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙ เมื่อมีกิจการอันใดซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ บุคคลผู้จะต้องทำหนังสือไม่จำเป็นต้องเขียนเอง แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น
ลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้นที่ทำลงในเอกสารแทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้สองคนแล้วให้ถือเสมอกับลงลายมือชื่อ
ความในวรรคสองไม่ใช้บังคับแก่การลงลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้น ซึ่งทำลงในเอกสารที่ทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่
[๖] ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๙ บัญญัติว่า “อันตั๋วแลกเงินนั้น ต้องมีรายการดังกล่าวต่อไปนี้
๑. คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน
๒. คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนที่แน่นอน
๓. ชื่อหรือยี่ห้อผู้จ่าย
๔. วันถึงกำหนดใช้เงิน
๕. สถานที่ใช้เงิน
๖. ชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
๗. วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน
๘. ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย
[๗] ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๘๓ บัญญัติว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ต้องมีรายการดังจะกล่าวต่อไปนี้
(๑) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน
(๒) คำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน
(๓) วันถึงกำหนดใช้เงิน
(๔) สถานที่ใช้เงิน
(๕) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน
(๖) วันและสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(๗) ลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว
(๑) คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค
(๒) คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้ใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน
(๓) ชื่อ หรือยี่ห้อ และสำนักของธนาคาร
(๔) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน คือคำจดแจ้งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
(๕) สถานที่ใช้เงิน
(๖) วันและสถานที่ออกเช็ค
(๗) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย ”
[๙] ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ บัญญัติว่า “ ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงอันครบอกให้แจ้ง และผลจากการหลอกลวง ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
Online Casino Site In South Africa - Lucky Club
ตอบลบGet up to $300 in free chips or bonuses. Play online casino games for real money, such as blackjack, luckyclub.live roulette, blackjack, poker, slots,